เงาคั่น

ประวัติกลุ่มทอผ้าไหมลายมัดหมี่ลายตาสับปะรด

ลงวันที่ 9 ต.ค. 2567
ประวัติกลุ่มทอผ้าไหมลายมัดหมี่ลายตาสับปะรด
ประวัติกลุ่มทอผ้าไหมลายมัดหมี่ลายตาสับปะรด
 
ผ้าไหมลายมัดหมี่ลายตาสับปะรดชิ้นนี้ ที่นางวงเดือน อุดมเดชาเวทย์ ราษฎรบ้านนาหว้า ได้ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเดือนพฤศจิการยน 2515 ในโอกาสเสด็จเยี่ยมพสกนิกร ราษฎรกิ่งอำเภอนาหว้า ซึ่งเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงให้ราชเลขาในพระองค์ติดตามงานและให้ราษฎรจำนวน 6 คน ทอต่อราชเลขาในพระองค์คือ ท่านผู้หญิงสุประภาดร เกษมสันต์ ณ อยุธยา ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตั้งเป็นกลุ่มทอผ้าไหมแห่งแรกของประเทศไทย
 
     เมื่อปี 2520 ให้กลุ่มทอผ้าไหมเป็นสมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

     ในปี 2541 ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ตั้งชื่อกลุ่มเป็นที่ระลึกว่า"กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 15 พฤศจิกายน 2515"

.....................................................................................
 
       "ผ้าไหมมุก" เป็นลายผ้าโบราณของจังหวัดนครพนม ลักษณะพิเศษของผ้ามุกจะเป็นผ้าลายขวางรอบตัว ปกติจะใช้ลายดอกสีขาวโดยตัวลายจะขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้ทอ มีดอกเล็ก ดอกใหญ่ คล้ายกับมุกที่เป็นเครื่องประดับ บางลายก็จะมีลักษณเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่วคล้ายกับหน้ามุขโบสถ์วิหารลักษะของลายดอกเล็ก ๆ เรียกว่า มุกสาม ลายดอกใหญ่ขึ้น เรียกว่า มุกสี่ มุกห้า มุกหา เป็นต้นการทอที่ต้องยกดอก ในระหว่างการทอดอก มักจะเป็นด้ายสีขาวซึ่งจะติดกับสีพื้นของผ้า ทำให้ดูคล้ายการฝังมุกเพราะดอกจะดูเด่นสวยงาม
 
       "ผ้าลายมุก"เป็นของสูง และนิยมใช้เฉพาะในโอกาสที่สำคัญ ฯ ทางพระพุทธศาสนา และงานรัฐพิธี และบุคคลที่สำคัญ เช่น พระภิกษุสงฆ์ผู้ใหญ่ที่เคาระนับถือ แต่ปัจจุบันได้ทอขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในเทศกาลต่าง ๆ จังหวัดนครพนม ได้ประกาศให้ "ผ้ามุก เป็นผ้าประจำจังหวัดนครพนม" แหล่งทอผ้าที่สำคัญก็คือที่ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านวัดธาตุประสิทธิ์ และถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตผ้ามุกที่มากที่สุดในจังหวัดนครพนม



ภาพที่เกี่ยวข้อง ประวัติกลุ่มทอผ้าไหมลายมัดหมี่ลายตาสับปะรด

โทร : 0-4259-7066
อีเมล : [email protected]

วันจันทร์ - วันศุกร์ (หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.